วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551

เคล็ดลับในการซื้อประกัน

เคล็ดลับในการเลือกซื้อประกันภัย

ในการเลือกซื้อประกันภัยคุณควรคำนึงถึงความมั่นคงและความน่า

เชื่อถือของบริษัทประกันภัย มีประวัติในการดำเนินธุรกิจที่ดี มีผลประกอบการที่ดี มีผู้ถือหุ้นที่มั่นคง และมีการบริการที่ดี ฯลฯ เป็นหลัก ไม่ใช่เบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด ทั้งนี้ เพราะการที่มีประกันภัยที่มี เบี้ยที่ถูกแต่ไม่สามารถเรียกร้องได้เพราะบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน หรือมีความยากลำบากในการเรียกร้องเป็นการลบล้าง วัตถุประสงค์หลักในการซื้อประกันภัย


เลือกซื้อประกันภัยสำหรับทรัพย์สินหรืออุบัติเหตุที่จะมีความเสียหาย

มูลค่าสูงและจะทำให้คุณเดือดร้อนเท่านั้น เช่น บ้าน รถยนต์ การรักษาพยาบาล ฯลฯ


ตรวจดูความคุ้มครองให้แน่ใจว่าเหมาะสมตามที่คุณต้องการ และครอบคลุมสิทธิประโยชน์มากที่สุดใน อัตราเบี้ยที่เท่ากัน


จ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Deductible (ถ้ามี) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคุณจะสามารถ ประหยัดเบี้ยประกันภัยที่คุณจะ ต้องจ่ายลงตามจำนวนค่าเสียหายส่วนแรก เช่น เบี้ยประกันภัยรถยนต์ มูลค่า 25,000 บาท หากระบุค่าเสียหายส่วนแรกเท่ากับ 5,000 บาท เบี้ยประกันภัยสุทธิจะเหลือ 20,000 บาทเท่านั้น ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายผิด คุณจะต้องชดเชยค่าเสียหายเอง ตามจริงแต่ไม่เกิน 5,000 บาทโดยส่วนที่เหลือบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง หากคุณระมัดระวังดีตลอดทั้งปี ค่าใช้จ่ายนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เท่ากับว่าคุณสามารถซื้อประกันภัยได้ถูกลงไปโดยปริยาย


ดูให้แน่ใจว่าความคุ้มครองที่คุณได้รับไม่มีความซ้ำซ้อนกันในกรณีที่คุณทำประกันภัยไว้หลายแห่ง

+.....................................................+


ที่มา:http://www.preawguidepost.com

ความรู้เรื่องการซื้อประกันรถยนต์ที่ควรรู้

สิทธิและหน้าที่ที่ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ควรรู้

หลายครั้งที่ข้อโตแย้งระหว่างบริษัทประกันภัย และผู้เอาประกันภัยมีสาเหตุมาจากการที่ผู้เอาประกันภัยไม่เข้าใจในหลักกฎหมาย เงื่อนไข และข้อยกเว้นของการทำประกันภัย

ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถป้องกันได้ หากผู้เอาประกันภัยได้อ่านและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ ขอบเขตความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นต่างๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้

ดังนั้นจึงใคร่ขอหยิบยกเรื่องสิทธิและหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย เงื่อนไข และข้อยกเว้น ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่คิดว่าสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัย ซึ่งกองส่งเสริมการประกันภัยและสารสนเทศ กรมการประกันภัย ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจ

การหยุดใช้รถ ผู้เอาประกันภัยอาจแจ้งการหยุดใช้รถยนต์เพื่อขอรับเบี้ยประกันภัยคืนจากบริษัทผู้รับประกันสามารถทำได้ คือ ต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อขอหยุดการใช้รถยนต์ ซึ่งบริษัทประกันภัยจะทำการคืนเบี้ยประกันภัยโดยคิดเฉลี่ยให้เป็นรายวัน แต่ก็มีข้อยกเว้นการคืนเงินเบี้ยประกันในกรณีที่หยุดใช้รถยนต์ในระหว่างการซ่อมรถ และหยุดการใช้งานที่น้อยกว่า 30 วัน

การโอนรถ เมื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ โอนรถยนต์ให้บุคคลอื่นให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้ และบริษัทผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกรมธรรมธ์ประกันภัยต่อไปตลอดอายุกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังเหลืออยู่

ส่วนในกรณีที่เป็นการทำประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ทำการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัย ตามสภาพความเสี่ยงภัยที่เปลี่ยนแปลง มิฉะนั้นผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนแรก ตามเงื่อนไขความคุ้มครองที่ปรากฏในกรมธรรม์

รถยนต์เช่าซื้อ การประกันภัยรถยนต์เช่าซื้อ ให้บริษัทผู้รับประกันภัยจัดทำกรมธรรม์ให้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้เอาประกันภัยจัดทำกรมธรรม์ให้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้เอาประกันภัยแต่ผู้เดียวเท่านั้น การยกผลประโยชน์ตามส่วนได้เสียให้ผู้เช่าซื้อ ให้บริษัทใช้เอกสารแนบท้าย

การลด- เพิ่มเบี้ยประวัติ กรณีประวัติดี มีส่วนลดเบี้ยประกันภัยไว้ 4 ขั้น ขั้นละปีตามลำดับ คือ 20% -50% หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในปีใดปีหนึ่งยังคงมีส่วนลดเบี้ยประวัติในกรณีที่ผู้เอาประกันภัย ไม่ได้เป็นฝ่ายประมาท ก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม และในกรณีที่เป็นฝ่ายประมาท หรือไม่สามารถแจ้งคู่กรณีได้ ส่วนละจะน้อยลงไปเท่ากับปีที่ผ่านมา เช่นในปีนี้ควรจะได้รับส่วนลด 30%

แต่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท ส่วนลดที่ได้รับจะเหลือเพียง 20% แต่ถ้าเป็นฝ่ายประมาท หรือไม่สามารถแจ้งคู่กรณีได้และมีการเรียกร้องค่าสินไหมตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป และมีจำนวนเงินเกินกว่า 200% ของเบี้ยประกันภัยส่วนลดจะน้อยลงไปเท่ากับ 2 ปีที่ผ่านมา เช่นปีนี้ควรจะได้รับส่วนลด 30% แต่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท และมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 60,000 บาท ขณะที่เบี้ยประกันภัย มีอัตรา 15,000 บาท ส่วนลดที่ได้รับก็จะไม่เหลือเลยต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ และถ้าเป็นกรณีที่ประวัติไม่ดี มีส่วนเพิ่มเบี้ยประกันภัย 4 ขั้น ขั้นละปี ตามลำดับคือ 20%, 30%, 40% และ 50% เช่นกัน

การบอกเลิกกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันภัยสามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ ดังนี้

1. กรณีบริษัทบอกเลิก ต้องส่งหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงผู้เอาประกันภัยตามที่อยู่ครั้งสุดท้ายที่แจ้งให้บริษัททราบ และบริษัทคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน

2. กรณีผู้เอาประกันภัยบอกเลิก ให้แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบเป็นลายลักษณ์อักษร และมีสิทธิได้รับเบี้ยประกันภัยคืนตามอัตราการคืนเบี้ยประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

และ 3. กรณีเป็นการประกันภัยกลุ่มและมีการลดจำนวนรถยนต์ ให้คืนเบี้ยประกันภัยเฉลี่ยรายวัน

การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ในกรณีมีข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง หรือข้อเรียกร้องใดๆ ระหว่างผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยกับบริษัทประกันภัย หากผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยต้องการให้ยุติข้อพิพาทนั้นโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ ตามข้อบังคับของกรมการประกันภัยว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ

การจัดการเรียกร้องเมื่อเกิดความเสียหาย หมายความว่า เมื่อเกิดความเสียหายหรือความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเกิดขึ้นผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่ต้องแจ้งให้บริษัทผู้รับประกันภัยทราบโดยเร็ว และดำเนินการอันจำเป็นเพื่อรักษาสิทธิตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิเข้าดำเนินการในนามของผู้เอาประกันภัยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ หากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ภายใต้ความคุ้มครองในกรมธรรม์ ความคุ้มครองของบริษัทจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่ดำเนินการโดยสุจริต

การแก้ไขสัญญา - สัญญาคุ้มครองและเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์นี้ จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยเอกสารแนบท้ายของบริษัทผู้รับประกันภัยเท่านั้น

การสิ้นผลบังคับของกรมธรรม์ มีผลเกิดขึ้นในกรณีต่อไปนี้

1. ณ วันเวลาที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์
2. เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันภัยภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่กรมธรรมเริ่มมีผลบังคับให้ถือว่าผู้เอาประกันภัยไม่ประสงค์จะเอาประกันภัยอีกต่อไป
และ 3. มีการบอกเลิกกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันภัยหรือบริษัทเป็นฝ่ายบอกเลิกก็ได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จะต้องอ่านสัญญาประกันภัย และที่สำคัญต้องไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องมีสติตลอดเวลา อุบัติเหตุทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน



บทความจาก นิตยสาร Thailand Insurance
รู้รอบประกันภัย

www.preawguidepost.com